วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

BDMS Wellness Clinic ผนึกกำลัง Straumann Group ประเทศไทย เสริมศักยภาพด้านทันตกรรมไทยสู่ Dental Wellness Hub ระดับสากล

ศูนย์รากฟันเทียมเซรามิกแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก

BDMS Wellness Clinic ผนึกกำลัง Straumann Group ประเทศไทย

เสริมศักยภาพด้านทันตกรรมไทยสู่ Dental Wellness Hub ระดับสากล

ผสานเทคโนโลยีทันตกรรมกับศาสตร์ความงามอย่างลงตัว

        บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS นำโดย นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลัง Straumann Group ประเทศไทย จำกัด บริษัทด้านการปลูกรากฟันเทียมและทันตกรรมความงามจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ผนึกกำลังเดินหน้าตั้ง “ศูนย์รากฟันเทียมเซรามิกแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก ที่ได้รับการรับรองโดย บริษัท Straumann” ชูแนวคิด Aesthetic Dentistry ผสานเทคโนโลยีทันตกรรมและศาสตร์ความงาม มุ่งยกระดับคุณภาพการดูแลสุขภาพช่องปากแบบองค์รวม พร้อมสนับสนุนบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้าน Wellness ระดับโลก ตลอดจนผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Dental Wellness Hub Thailand โดยมี นายเปโดร สวาห์เลน เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Pedro Zwahlen, Ambassador of the Swiss Confederation to Thailand) นาย แพทริก โลห์ สมาชิกคณะกรรมการบริหาร รองประธานบริหาร และหัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Straumann Group (Mr. Patrick Loh, Member of Executive Management Board, Executive Vice President and Head of Asia Pacific, Straumann Group) ทันตแพทย์หญิงวลัยลักษณ์ เกียรติธนากร ผู้อำนวยการคลินิกทันตกรรม บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ทันตแพทย์หญิงสุชาดา ก้องเกียรติกมล รองผู้อำนวยการคลินิกทันตกรรม บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก นางสาว ศิริพร ไทรกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางคลินิก นางสาว จิตรา สังฆกิจ Country Manager บริษัท Straumann Group ประเทศไทย และ นาย ลิป แทน หัวหน้าฝ่ายการเงิน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Straumann Group (Mr. Lip Tan, Head of Finance Shared Services of Straumann Group APAC, Straumann Group) เข้าร่วมงาน เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568

           นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปัจจุบัน แนวคิดเรื่อง “สุขภาพที่ดี” ได้รับการขยายความมากกว่าการไม่มีโรคภัยหรืออาการเจ็บป่วย หากแต่ครอบคลุมถึงการมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ การส่งเสริมสุขภาพจึงต้องอาศัยการดูแลแบบองค์รวม อันประกอบด้วยการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ การมีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับสุขภาพในด้านที่มักถูกมองข้าม เช่น สุขภาพช่องปาก ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสุขภาวะโดยรวม ทั้งในฐานะด่านแรกของระบบย่อยอาหาร และในฐานะตัวสะท้อนของความสมดุลภายในร่างกาย อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจในตนเอง และคุณภาพชีวิตโดยรวมของประชาชน สุขภาพช่องปากที่ดีจึงมิใช่เพียงเรื่องของการดูแลเฉพาะจุด หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพที่มีความเชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ที่ดีในทุก ๆ ด้าน

        “ด้วยวิสัยทัศน์ของ BDMS Wellness Clinic ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญกับการดูแลสุขภาพองค์รวม เราจึงได้จับมือกับ Straumann Group ประเทศไทย เพื่อผสานเทคโนโลยีรากฟันเทียมเซรามิกซึ่งเป็นเทคโนโลยีทันตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติ ภายใต้การผลิตของบริษัท Straumann เข้ากับศาสตร์ทันตกรรมความงาม ที่ดำเนินการภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านทันตกรรมความงาม ที่ BDMS Wellness Clinic เพื่อดูแลทั้งสุขภาพช่องปากพร้อมส่งเสริมสุขภาพองค์รวมและความมั่นใจให้กับผู้คนทั่วโลกที่เดินทางมารับบริการด้านทันตกรรม ณ BDMS Wellness Clinic”

         “ความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญ ที่ร่วมขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของเราสู่เป้าหมายระดับประเทศในการเป็น Dental Wellness Hub Thailand เพื่อส่งมอบสุขภาพช่องปากที่ดีที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสให้กับผู้คนทั่วโลกที่เดินทางมาท่องเที่ยว ณ ประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Dental Wellness Tourism เพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็น Wellness Hub Thailand จุดหมายปลายทางด้านสุขภาพเชิงป้องกันแบบองค์รวมที่ได้รับความเชื่อมั่นในระดับสากล ซึ่งรวมถึงประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมด้วย”

         นายเปโดร สวาห์เลน เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย กล่าวถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย มีพันธกิจในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และไทยอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนธุรกิจสวิสที่เข้ามาลงทุนในไทยผ่านการให้ข้อมูล การสร้างเครือข่าย และการประสานความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนไทย สถานทูตมุ่งเน้นการส่งเสริมมาตรฐานคุณภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างสองประเทศ” 

            นาย แพทริก โลห์ สมาชิกคณะกรรมการบริหาร รองประธานบริหาร และหัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Straumann Group กล่าวว่า “Straumann Group มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งศูนย์รากฟันเทียม เซรามิก ณ BDMS Wellness Clinic ซึ่งนับเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับศาสตร์ความงามในการดูแลสุขภาพช่องปาก โดยความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้ง Straumann Group และ BDMS Wellness Clinic ในการส่งเสริมศักยภาพของทันตแพทย์ไทยให้ก้าวสู่เวทีระดับโลก และร่วมกันสร้างอนาคตแห่งวงการทันตกรรมทั้งในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาค” 

            เพราะรอยยิ้มของคุณคือแพชชันของเรา: เปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการบูรณะรอยยิ้มด้วยรากฟันเทียมเซรามิก เทคโนโลยีล่าสุดที่ผสานศาสตร์แห่งความงามเข้ากับความชำนาญการทางทันตกรรมอย่างลงตัว

             ทันตแพทย์หญิงสุชาดา ก้องเกียรติกมล รองผู้อำนวยการคลินิกทันตกรรม บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก กล่าวว่า คลินิกทันตกรรมของ BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นส่งมอบบริการด้านทันตกรรมความงามที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ด้วยความตั้งใจที่จะมอบทั้งสุขภาพช่องปากที่ดีและความมั่นใจให้กับผู้รับบริการทุกท่าน โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่ดีรับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันคือ ‘รากฟันเทียมเซรามิก (Zi Ceramic Implant)’ จากแบรนด์ Straumann บริษัทด้านการปลูกรากฟันเทียมและทันตกรรมความงามจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยวัสดุไบโอเซรามิก (Zirconia) ของ Straumann มีจุดเด่นด้านความแข็งแรง ทนทาน และเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อในช่องปาก จึงให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและยั่งยืนในระยะยาว

          นอกจากนี้ รากฟันเทียมเซรามิกยังมีคุณสมบัติด้านความงามที่โดดเด่น ด้วยเฉดสีที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากกว่ารากฟันเทียมประเภทโลหะ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการบูรณะฟันบริเวณด้านหน้า อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอาการแพ้โลหะ ซึ่งเป็นข้อกังวลที่อาจพบได้ในรากฟันเทียมทั่วไป ทำให้เป็นทางเลือกที่ทั้งปลอดภัยแก่ผู้รับบริการทุกคน 

“การเลือกใช้รากฟันเทียมเซรามิกจาก Straumann ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ BDMS Wellness Clinic ในการมอบทางเลือกด้านการบริการการดูแลช่องปากให้กับผู้รับบริการ โดยมุ่งเน้นทั้งประสิทธิภาพในการฟื้นฟูการใช้งานของฟันควบคู่ไปกับการส่งเสริมภาพลักษณ์และบุคลิกภาพของผู้รับบริการ ผ่านรอยยิ้มที่มั่นใจ สวยงาม และเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง” ทันตแพทย์หญิงสุชาดา กล่าวเพิ่มเติม

           นอกจากนี้ นางสาว จิตรา สังฆกิจ Country Manager บริษัท Straumann Group ประเทศไทย ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท Straumann Group และรากฟันเทียมเซรามิกในงาน โดย Straumann Group เป็นบริษัทชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บริษัทมีความชำนาญการการในการวิจัย พัฒนา และผลิตอุปกรณ์ทางทันตกรรมในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นรากฟันเทียม เครื่องมือจัดฟันใส วัสดุชีวภาพ และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของ Straumann Group มีวางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยยึดมั่นในเทคโนโลยี ความน่าเชื่อถือ และมาตรฐานการดูแลผู้รับบริการระดับสากล 

            ในปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) Straumann Group ได้เข้าซื้อหุ้น 49% ของบริษัท Neodent จากประเทศบราซิล และในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) ได้เข้าซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด ทำให้ Neodent เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Straumann Group อย่างเต็มตัว ปัจจุบัน Neodent มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกว่า 95 ประเทศทั่วโลก

          ในปี พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) Neodent ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุด “Zi Ceramic Implant” ระบบรากฟันเทียมเซรามิก ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ป่วยที่ให้ความสำคัญกับความสวยงามและสุขภาพช่องปาก รากฟันเทียม Zi Ceramic ผลิตจากเซอร์โคเนียคุณภาพสูง มีคุณสมบัติเด่นด้านความแข็งแรง สีขาวคล้ายรากฟันธรรมชาติ และความเข้ากันได้ดีเยี่ยมกับเนื้อเยื่อในช่องปาก ด้วยการออกแบบรูปทรงเรียวที่เลียนแบบรากฟันธรรมชาติ จึงช่วยให้การรักษาและการฟื้นฟูรอยยิ้มเป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

             ความร่วมมือระหว่าง BDMS Wellness Clinic และบริษัท Straumann Group ประเทศไทย จำกัด ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการรวมพลังเป็น #TeamThailand เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลก ตลอดจนตอกย้ำความเชื่อมั่นในคุณภาพบริการด้านสุขภาพและทันตกรรมของไทยในระดับมาตรฐานสากล เพื่อมุ่งสู่การส่งมอบการดูแลสุขภาพองค์รวมที่ยั่งยืนให้แก่ผู้คนทั่วโลก

             ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรากฟันเทียมเซรามิกและบริการทันตกรรมด้าน Aesthetic Dentistry ของ BDMS Wellness Clinic ได้ที่ https://www.bdmswellness.com/



วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2568

สจล. จับมือ IIT Bombay มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอินเดีย ขับเคลื่อนความร่วมมือด้าน AI – Robotics – Space Technology

สจล. จับมือ IIT Bombay มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอินเดีย

ขับเคลื่อนความร่วมมือด้าน AI – Robotics – Space Technology

ก้าวสำคัญสู่ “The World Master of Innovation”

        รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี (ขวา) อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงทางวิชาการร่วมกับ Prof. Sudarshan Kumar (ซ้าย) คณบดีฝ่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ (Dean of International Relations) จาก Indian Institute of Technology Bombay (IIT Bombay) มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอินเดีย ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 118 ของโลก ตามการจัดอันดับของ QS World University Rankings ครอบคลุมโครงการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ นักศึกษา และกิจกรรมวิจัยร่วมกันระหว่าง 2 สถาบัน และความร่วมมือทางด้านการศึกษา ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence), หุ่นยนต์ (Robotics), และเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดัน สจล. สู่การเป็น “The World Master of Innovation” ต่อไป เมื่อเร็วๆ นี้

           ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ สจล. ได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000 






วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2568

โอกาสเฟอร์นิเจอร์ไทยสู่ตลาดโลก ฟังเทรนด์และทิศทางตลาด Hospitality

โอกาสเฟอร์นิเจอร์ไทยสู่ตลาดโลก

ฟังเทรนด์และทิศทางตลาด Hospitality 

โดยผู้เชี่ยวชาญรับเชิญจากอิตาลี Matteo Ragni

          “STYLE Bangkok 2025” กลับมาแล้ว ในการเป็นศูนย์รวมเทรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการ นักออกแบบ ผู้ซื้อ และผู้ที่สนใจจากทั่วโลก ด้วยสินค้าจากผู้ประกอบการกว่า 400 ราย ร่วม 700 คูหา พร้อมไฮไลต์ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยในปีนี้ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญชื่อดังชาวอิตาเลียนมาบรรยายในช่วงสัมมนาพิเศษถึงเทรนด์และโอกาสเฟอร์นิเจอร์ไทยในตลาดโลก ในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟรี 

            กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาในหัวข้อ  “New Trends in Contemporary Design: Opportunities and Insights for Thai Entrepreneurs in a Global Market” โดย Mr. Matteo Ragni ดีไซเนอร์ผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาเลียน จัดที่เวทีกลาง ฮอลล์ 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 10.30-12.00 น. 

           Mr. Matteo Ragni คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการออกแบบมากว่า 20 ปี เป็นหนึ่งในผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัล Compasso d’Oro Award ในวัย 29 ปี  ทำงานเป็นทั้งดีไซเนอร์และครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ในเวลาเดียวกัน โดยตั้งคำถามต่อประเด็นของฟังก์ชั่นกับความเป็นนวัตกรรม ปัจจุบันได้ไปบรรยายความรู้ ณ ที่ต่างๆหลายแห่งทั่วโลก

           Mr. Matteo เป็นที่ปรึกษาโครงการ Host & Home ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในการพัฒนาสินค้า และเจาะตลาด Hospitality ในอิตาลีและในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพและมีชื่อเสียงที่ดีในกลุ่มธุรกิจ โรงแรมและที่พักอาศัย โดยนำผู้ประกอบการไทย กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านและโรงแรม และกลุ่มเคหะสิ่งทอ เข้าร่วมพัฒนาสินค้าเชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งที่ผ่านมาได้นำผู้ประกอบการไปจัดแสดงยังงาน Salone Del Mobile ซึ่งเป็นแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้านระดับโลก ที่จัดคู่ขนานไปกับงาน Milan Design Week ทั้งสองงาน เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงด้านการนำเสนอสินค้าที่เน้นการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์จากทั่วโลก รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการออกแบบสินค้าไลฟ์สไตล์ รวมทั้งสินค้าเพื่ออนาคต โครงการ Host & Home เป็นโครงการต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมโครงการ และได้รับการพัฒนาสินค้าตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแล้วมากมาย 

         สินค้าไทยได้รับการตอบรับจากผู้จัดจำหน่าย รีสอร์ต โรงแรม นักออกแบบ ธุรกิจเรือยอร์ช ฯลฯ เป็นอย่างดี รวมถึงมียอดสั่งซื้อภายใน 1 ปีหลายสิบล้านบาท  เนื่องด้วยสินค้าไทยมีเอกลักษณ์ ดีไซน์ทันสมัย สินค้ามีความหลากหลาย และสามารถใช้งานได้จริง มีการนำเอาวัสดุที่เหลือใช้นำกลับมาใช้ใหม่ ให้ความสำคัญกับวัสดุที่ใช้ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความยั่งยืนตามแนวโน้มเรื่อง Sustainability ที่ตลาดยุโรปให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

           อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 70 ของการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของไทยที่น่าจับตามอง เนื่องจากยังคงมีโอกาสเติบโตอีกมากตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และยังมีความเกี่ยวเนื่องกับหลายภาคส่วน อาทิ อุตสาหกรรมไม้ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมพลาสติก ฯลฯ ซึ่งจะช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์มากขึ้น

            มาร่วมอัพเดทเทรนด์และโอกาสของเฟอร์นิเจอร์ไทยในตลาดยุโรปและในตลาดโลก ในสัมมนาพิเศษ “New Trends in Contemporary Design : Opportunities and Insights for Thai Entrepreneurs in a Global Market” โดย Mr. Matteo Ragni ในงาน “STYLE Bangkok 2025” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 เมษายน 2568 สำรองที่นั่งสัมมนาฟรี ที่ https://forms.gle/11udo1D5gZB12jfL9 หรือชมรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.stylebangkokfair.com 


                                                                                                             

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2568

งานแถลงข่าวเดิน - วิ่งการกุศล “วิ่งสนุกปลูกปัญญา ครั้งที่ 3 ” (3rd Run Fun Fund)

มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าวเดิน - วิ่งการกุศล “วิ่งสนุกปลูกปัญญา ครั้งที่ 3 ” (3rd Run Fun Fund)


        มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าว เดิน - วิ่งการกุศล “วิ่งสนุกปลูกปัญญา ครั้งที่ 3” (3rd Run Fun Fund) ณ ห้องประชุมหทัยนเรศวร์ มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยมี ดร.สายสม วงศาสุลักษณ์ ประธานมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์และที่ปรึกษางานวิ่งสนุกปลูกปัญญา ครั้งที่ 3 คุณสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ รองประธานมูลนิธิฯ ดร.เบญจมาภรณ์ คุณะรังษี รองประธานจัดงาน และคุณสุดจิตร์ ลือเกียรติอนันต์ เลขาธิการและรองประธานสมาพันธ์ชมรมเดิน - วิ่งเพื่อสุขภาพไทย ร่วมแถลงข่าว เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568



     กิจกรรม “เดิน-วิ่งสนุกปลูกปัญญา ครั้งที่ 3 (3rd Run Fun Fund) กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 27 เมษายน 2568 เวลา 05.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 เพื่อหารายได้สนับสนุนการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิฯ การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศประเภท Over all ชาย/หญิง โดยแบ่งระยะทางการวิ่งออกเป็น 3 กิโลเมตร 5 กิโลเมตร และ10 กิโลเมตร



      ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่ มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เลขที่ 362 ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ : 02-215-0781-5 e-mail : fmrth@hotmail.com / ID LINE 0955506812 หรือสมัครออนไลน์ ได้ที่ www.fanaticRun.com  และสามารถร่วมสมทบทุนในโครงการนี้ ผ่านทางบัญชี มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาโลตัส ฟอร์จูน ทาวน์ ประเภทบัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 144-214735-9

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2568

ปลดล็อกความยากจน! บ้านหนองเขียว จ.แม่ฮ่องสอน เดินหน้าสู่เกษตรอินทรีย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

ปลดล็อกความยากจน! บ้านหนองเขียว จ.แม่ฮ่องสอน   

เดินหน้าสู่เกษตรอินทรีย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

       โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเฉพาะพื้นที่บ้านหนองเขียวและกลุ่มบ้านบริวาร ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังก้าวหน้าอย่างโดดเด่นในการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทางของโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.)โครงการนี้มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบดั้งเดิม สู่ระบบเกษตรอินทรีย์และพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร สร้างรายได้ที่มั่นคง พร้อมทั้งส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเกษตรกรรมบนพื้นที่สูงที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม


       โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเฉพาะพื้นที่บ้านหนองเขียวและกลุ่มบ้านบริวาร จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับการดำเนินงานโดย สวพส. ซึ่งเริ่มต้นจากการสำรวจและวิเคราะห์ปัญหาของชุมชน พบว่าประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และการเกษตร รวมถึงขาดองค์ความรู้ด้านเกษตรที่ยั่งยืน ทำให้รายได้ไม่มั่นคงและต้องพึ่งพาการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่มีต้นทุนสูงและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ สวพส. จึงร่วมมือกับกรมทรัพยากรน้ำและกรมชลประทานในการจัดหาน้ำสะอาด พร้อมทั้งส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น ผักอินทรีย์ กาแฟ อะโวคาโด และเสาวรสหวาน แทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือพืชที่ให้ผลตอบแทนต่ำ โดยมุ่งหวังให้ชุมชนมีรายได้ที่มั่นคงขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากในระยะยาว

       หนึ่งในความก้าวหน้าสำคัญของกิจกรรมการเพิ่มรายได้ระยะสั้น คือ การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในโรงเรือน จำนวน 30 โรงเรือน บนพื้นที่เพียง 12 ไร่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูงถึง 2,880,000 บาทต่อปี ในทางกลับกัน หากใช้พื้นที่เดียวกันนี้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะให้ผลตอบแทนเพียง 72,000 บาทต่อปี และหากต้องการรายได้เท่ากัน เกษตรกรต้องใช้พื้นที่ถึง 480 ไร่ ตัวเลขเหล่านี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่า เกษตรอินทรีย์ในโรงเรือนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า สร้างรายได้ที่มั่นคง ลดความเสี่ยง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


          นายพัลลภ ปัญญา นักวิชาการส่งเสริมและพัฒนา หัวหน้าโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเฉพาะพื้นที่บ้านหนองเขียว และกลุ่มบ้านบริวาร กล่าวว่า การพัฒนาเกษตรกรรมบนพื้นที่สูงตามแนวทางของโครงการหลวง ไม่ได้ช่วยแค่ให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการใช้พื้นที่ ลดการเผา และลดปัญหาหมอกควันในพื้นที่อีกด้วยที่สำคัญคือ เกษตรกรมีทางเลือกในการทำอาชีพมากขึ้น โดยมีทั้งพืชระยะสั้น อย่างผักอินทรีย์ที่ปลูกในโรงเรือน พืชระยะกลาง เช่น เสาวรสหวาน และถั่วลายเสือ ส่วนพืชระยะยาวก็มีอะโวคาโด กาแฟอราบิก้า และแมคคาเดเมีย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลดีหลายด้าน ในแง่เศรษฐกิจ เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง ในแง่สังคม ก็เกิดการรวมกลุ่มกัน ทั้งในและนอกภาคเกษตร โดยมีคนในชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการ และในแง่สิ่งแวดล้อม การปลูกไม้ผลและกาแฟที่ใช้พื้นที่น้อย ทำให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นอีกด้วย

        นายบรมัติ ทิพกนก ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจการณ์สหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน) ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินการจัดตั้งกลุ่มเตรียมสหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงหนองเขียว จำกัด เพื่อรวมกลุ่มเกษตรกรในโครงการได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้านปัจจัยการผลิตและวัสดุอุปกรณ์การเกษตร บริหารจัดการด้านการตลาด โดยการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาด ทั้งตลาดตามข้อตกลงและตลาดออนไลน์ ทั้งในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และกระจายออกสู่ตลาดต่างจังหวัด อีกทั้งได้ส่งเสริมสนับสนุนในการออมทรัพย์ของเกษตรกรสมาชิก รวมถึงการผลักดันให้เกษตรกรสมาชิกมีส่วนร่วมในทุกมิติ

          นางสาวรวีวรรณ ชลธารเสาวรส ประธานกลุ่มผู้ปลูกผักอินทรีย์บ้านหนองเขียว กล่าวว่า ระบบการจัดการภายในกลุ่มเกษตรกรได้รับการออกแบบให้มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพ โดยเกษตรกรแต่ละคนมีหน้าที่เฉพาะ ตั้งแต่การตัด คัดเลือก ซึ่งขั้นตอนการแพ็คบรรจุผลิตภัณฑ์มีการระบุชื่อเกษตรกร ชนิดของผักที่ปลูก พื้นที่เพาะปลูก และน้ำหนักของผลผลิต เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ นอกจากนี้ การบริหารจัดการแบบรวมกลุ่มยังช่วยให้สมาชิกสามารถแบ่งปันองค์ความรู้และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรในชุมชนมีรายได้ที่มั่นคง และคุณภาพชีวิตของครอบครัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


         การปรับใช้แนวทางโครงการหลวงมาเป็นแนวทางในการพัฒนาที่บ้านหนองเขียวช่วยให้เกษตรกรเปลี่ยนจากพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นเกษตรที่ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูง ลดการเผา และแก้ปัญหาหมอกควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จนี้เกิดจากการสนับสนุนของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ถนน สัญญาณสื่อสาร ระบบไฟฟ้า และคุณภาพดิน-น้ำ พร้อมขยายองค์ความรู้ไปยังพื้นที่สูงอื่น ๆ เพื่อสร้างระบบเกษตรที่ยั่งยืน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรบนพื้นที่สูงในระยะยาว



วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

นักศึกษา สจล.โชว์นวัตกรรมสุดล้ำคว้ารางวัลระดับประเทศ ช่วยแก้ปัญหามลพิษทางน้ำ

นักศึกษา สจล.โชว์นวัตกรรมสุดล้ำคว้ารางวัลระดับประเทศ ช่วยแก้ปัญหามลพิษทางน้ำ

       สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ภาคภูมิใจที่ได้สร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้พัฒนาต่อไปในอนาคต

       สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดโครงการสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม  "I -New Gen  Award 2025" ภายในงาน "วันนักประดิษฐ์ 2568 (Thailand inventors' day 2025) เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลระดับอุดมศึกษากลุ่มเรื่องพลังงานวัสดุและเคมีชีวภาพ โดยผลงานที่ได้รับรางวัลคือ "ทุ่นดักจับคราบน้ำมันประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซุปเปอร์ไฮโดรโฟบิคเมมเบรน" ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหามลพิษทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

         ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก https://www.facebook.com/share/p/161Z9bEPmu/?mibextid=wwXIfr    

https://www.instagram.com/p/DFzQ883T4jQ/?igsh=aWc2djVxNXUyb3dk

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th  หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมงานแถลงข่าวการประกวดเยาวชนต้นแบบด้านมารยาทไทย และมารยาทในสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมงานแถลงข่าวการประกวดเยาวชนต้นแบบด้านมารยาทไทย และมารยาทในสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 

ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ


         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และประธานอนุกรรมการบริหารกองทุน ดร.อุเทน เตชะไพบูลย์ พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการมูลนิธิฯ นางสาวพิมพ์ณภัท สุนทรฐิติวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรมูลนิธิฯ และคณะมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ร่วมงานแถลงข่าวการประกวดเยาวชนต้นแบบด้านมารยาทไทย และมารยาทในสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ กองทุน ดร.อุเทน เตชะไพบูลย์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และเครือข่ายสถานศึกษาต่าง ๆ ร่วมพิธี  ณ ห้องประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ เมื่อวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568


          การประกวดเยาวชนต้นแบบด้านมารยาทไทย และมารยาทในสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2568 และเพื่อกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชาชน เห็นคุณค่าความสำคัญของอัตลักษณ์ไทยในเรื่องมารยาทไทย มารยาทในสังคม และสามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี นับเป็นจุดเริ่มต้นขวบปีแรกที่กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดการประกวดเยาวชนต้นแบบด้านมารยาทไทย และมารยาทในสังคมขึ้น เพื่อรณรงค์ สร้างกระแสและความตระหนักในการสืบสานและสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านมารยาทไทย

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##

#สายด่วนและแอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

BDMS Wellness Clinic ผนึกกำลัง Straumann Group ประเทศไทย เสริมศักยภาพด้านทันตกรรมไทยสู่ Dental Wellness Hub ระดับสากล

ศูนย์รากฟันเทียมเซรามิกแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก BDMS Wellness Clinic ผนึกกำลัง Straumann Group ประเทศไทย เสริมศักยภาพด้านทันตกรรมไ...