วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

การศึกษาวิจัยและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) เพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการผลิตสื่อ

การศึกษาวิจัยและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) เพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการผลิตสื่อ

           กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ร่วมกับวิทยาลัยนวัตกรรม ม.ธรรมศาสตร์ และสถานีโทรทัศน์ Thai PBS ดำเนินการศึกษาวิจัยเรื่อง “การศึกษาวิจัยและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี)” ภายใต้โครงการวิจัยการพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านสื่อและภาควิชาการ โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและจัดทำหลักสูตรการอบรมเบื้องต้นเพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการผลิตสื่อ สำหรับเด็กปฐมวัย ช่วงอายุ 3-6 ปี ที่มีความเหมาะสมกับพัฒนาการเด็กและสถานการณ์ และทดลองผลิต สื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ที่เหมาะกับพัฒนาการเด็กปฐมวัย ตลอดจนนำร่องการใช้หลักสูตรการอบรม เบื้องต้นสำหรับพัฒนาศักยภาพคนในการทำงานด้านสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

          นายธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ดำเนินงานสนับสนุนการพัฒนาสื่อสำหรับเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการให้ทุน สนับสนุนและดำเนินงานเอง โดยโครงการดำเนินงานเองจะเป็นการทำงานหนุนเสริมเติมเต็มจากการให้ทุน ดังเช่นโครงการนี้เป็นการผลิตสื่อสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัยอายุ 3-6 ปีประเภทรายการโทรทัศน์ตาม แนวทางการวิจัยร่วมกับสหวิชาชีพทั้งภาควิชาการและวิชาชีพ เราร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านเด็กและด้านสื่อ ซึ่งมุ่งมั่นให้เป็นรูปแบบการทำงานเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ในการผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัยอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ที่ทางวิชาการและการแพทย์ระบุว่าเด็กช่วงอายุดังกล่าวสามารถรับชมผ่านสื่อประเภทจอหรือโทรทัศน์ได้ และนำร่องการอบรมหลักสูตรการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาควิชาชีพและภาควิชาการ เพื่อให้ได้ทั้งเนื้อหาและรูปแบบที่เหมาะสมกับการผลิตงานจริง โดยโครงการดังกล่าวนี้ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 และถือว่าประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์จึงได้ดำเนินงานต่อเนื่องมาจนถึงระยะที่ 2 ในปี 2564 นี้ด้วยเช่นกัน

       อาจารย์ระวีวรรณ ทรัพย์อินทร์ อาจารย์ประจำ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิจัยผู้รับผิดชอบการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ระบุว่า จากการ ศึกษาวิจัยที่ผ่านมาในปี 2563 ทำให้ได้แนวทางหลักสูตรการอบรมเบื้องต้นเพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย อายุ 3-6 ปี โดยมีการนำร่องจัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อสร้างองค์ความรู้และความ เข้าใจการผลิตสื่อต้นแบบสำหรับเด็กปฐมวัย ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้ (D) ชั้น 3 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กปฐมวัยเป็นวิทยากรเพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้องค์ความรู้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะด้านเนื้อหา (Content) ที่ควรมุ่งสื่อสารเพื่อส่งเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย ไม่ว่าจะเป็น รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น, ธิดา พิทักษ์สินสุข กรรมการบริหารสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทย, ดร.แพง ชินพงศ์ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีเพื่อเด็กปฐมวัย และศ.นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทั้งนี้จากการศึกษาทำให้ได้องค์ความรู้ในการผลิตสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย ช่วงอายุ 3-6 ปี ดังนี้ ด้านเนื้อหา (Content) ควรมุ่งสื่อสารเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย จากการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ระดมความรู้ในการผลิตรายการเพื่อเด็ก ปฐมวัย อายุ 3-6 ปี จากผู้ทรงคุณวุฒิด้านเด็กปฐมวัย ได้แก่ กุมารแพทย์ นักวิจัยและนักการศึกษาด้านเด็ก ผู้ผลิตสื่อเพื่อเด็กปฐมวัย และนักวิชาการด้านการผลิตสื่อเด็ก รวม 10 ท่าน ดังต่อไปนี้ 

รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น 

ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษใจฐกร จากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริม EF และวินัยเชิงบวกในเด็กปฐมวัย

ธิดา พิทักษ์สินสุข (ครูหวาน) กรรมการบริหารสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กปฐมวัย 

ดร.สมสุดา มัธยมจันทร์ อาจารย์ประจำ สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) 

ผศ.ดร. มรรยาท อัครจันทโชติ อาจารย์ประจำภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ผศ.ดร. กันตวรรณ มีสมสาร อาจารย์ประจำ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 

ครูชีวัน วิสาสะ ( ครูชีวัน) นักเขียน-นักวาดภาพประกอบนิทานเด็ก ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ

ภัทรจารีย์ อัยศิริ (น้านิด สโมสรผึ้งน้อย) ผู้ผลิตรายการเด็ก ที่มประสบการณ์มามากกว่า 40 ปี

วิไลภรณ์ จงกลวัฒนา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักรายการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (Thai PBS) 

วรินทร์เนตร เติมศิริกมล ผู้ผลิตรายการเด็กและสร้างภาพยนตร์สำหรับครอบครัว 

         โดยในการสนทนาดังกล่าวได้ร่วม สะท้อนเนื้อหา (Content) ที่ควรมุ่งสื่อสารเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ดังต่อไปนี้

1. กระตุ้นจินตนาการ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์

2. พัฒนาทักษะทางสังคม (Social Skills)

3. นำเสนอเนื้อหาที่สะท้อนและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของเด็กๆได้

4. ส่งเสริมการเข้าใจและภูมิใจในความเป็นตัวเอง (Self-Extreme)

5. สอดแทรกบริบทแวดล้อมให้เหมาะสมกับสังคมไทย

         นอกจากนี้ทำให้ได้ข้อสรุปจากการศึกษาด้านการนำเสนอสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย ต้องคำนึงถึงสิ่งที่ควรและไม่ควรทำ (Do and Don’t)  ดังนี้

         สิ่งที่ควรทำ (DO)

1. สื่อสารประเด็นใจความสำคัญเพียงประเด็นเดียวและต้องไม่ยาวจนไป (ความยาวที่เหมาะสมคือ 2-10 นาที โดยจำนวนนาทีที่แนะนำที่เหมาะสมอาจจะคำนวณจากอายุได้คราวๆ เช่น 3 ขวบไม่ควรเกิน 3 นาที 4 ขวบไม่ควรเกิน 4 นาที เป็นต้น) 

2. มีลักษณะเป็นสื่อที่สร้างการมีปฎิสัมพันธ์ (Interactive) หรือเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (Two Ways  Communications)

3. ต้องมีความสนุกนำ ซึ่งความสนุกนั้นมักเกิดจากการเปิดโอกาสให้เด็กได้มีความร่วมและมีปฎิสัมพันธ์กับสื่อ

4. สื่อต้องสร้างการมีส่วนร่วม หรือการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Learning Through Play) ไม่จงใจสอนจนเกินไป

5. กระตุ้นจินตนาการ

6. การนำเสนอควรจะต้องมีคาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ น่าจดจำ

7. ตัวละครไม่เยอะ แต่ว่าคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวขอให้ชัดเจน

8. เรื่องต้องเป็นเชิงประจักษ์ เป็นพฤติกรรมที่เห็นชัดเจน ไม่เป็นนามธรรม

9. เนื้อหาเรียบง่าย (Simplify) ไม่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เด็ก ๆ จะนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง 

10. สามารถใช้และเพลงประกอบ เพื่อความน่าสนใจและเพื่อความสนุกสนาน และดนตรียังจะช่วยเสริมสร้างจินตนาการได้ด้วย และเป็นสื่อที่เข้าถึงเด็กๆได้ง่าย

11.  ใช้แก่นการนำเสนอด้วย Positive Approach และใช้ถ้อยคำในเชิงบวกเพื่อเสริมพลังบวก

12.  ใช้หลักการนำเสนอเน้นย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ในใจความ หรือ ถ้อยคำสำคัญ (Keywords) ที่ต้องการสื่อสารให้ชัดเจน

13. จบแบบ Happy Ending

        สิ่งที่ไม่ควรทำ  (Don’t) 

1. การสร้างตัวละครที่โหดร้าย หรือเป็นผู้ร้ายรุนแรงเกินไป

2. ระวังการใช้ภาพเสียงที่รุนแรง 

3. อย่ายัดเยียดในสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการให้เด็ก 

4. ระวังเรื่องเนื้อหาที่เด็กอาจจะเลียนแบบ ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายหรือผลเสียต่อตัวเด็กได้ 

5. อย่าพูดเยอะ Less Talk More Action ต้องเน้นที่การกระทำ มีบทพูด บทสนทนาให้น้อยแต่แสดงให้เห็นเป็นการกระทำให้ชัดเจน 

6. ไม่สื่อสารแบบ One-way Communications ไม่มองเด็กเป็น passive audience 

7. ไม่แกล้งใช้ทำเสียงเลียนแบบเด็กๆ เพราะเด็กจะรู้สึกถูกล้อเลียน การใช้เสียงต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน

          สำหรับการทดลองผลิตรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยนั้น ได้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่เหมาะสมสำหรับเด็กปฐมวัยในช่วง 3-6 ขวบ ที่มีเนื้อหาเน้นเสริมสร้างทักษะสังคมควบคู่กับศิลปะและดนตรี จำนวน 2 รายการ ได้แก่ รายการ Flowers Power ความยาว 5 นาที จำนวน 2 ตอน เป็นรายการสำหรับเด็กปฐมวัยที่มีเนื้อหาด้านทักษะสังคมและศิลปะ และรายการ Sound to Song ความยาว 5 นาที จำนวน 2 ตอน เป็นรายการสำหรับเด็กปฐมวัยที่มีเนื้อหาด้านทักษะสังคมและดนตรีผสานการเคลื่อนไหว จากนั้นได้มีการทดลองให้เด็กปฐมวัยได้รับชมเพื่อนำผลตอบรับมาพัฒนาเนื้อหาและรูปแบบให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งการทดลองผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อเด็กปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) แล้วนำไปให้เด็กกลุ่มเป้าหมายได้รับชม ทำให้ทราบผลตอบรับต่อรูปแบบและเนื้อหาของรายการ อันจะนำไปสู่การพัฒนาเนื้อหาและกลวิธีการนำเสนอเพื่อการพัฒนาการผลิตรายการสำหรับสำหรับเด็กปฐมวัยให้มีเหมาะสมกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในช่วงอายุ 3-6 ปี ในการศึกษาระยะต่อไป 


ททท. และ สทท. ร่วมประชุมหารือกับสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ประเด็นการเตรียมความพร้อมในจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงาและเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดฤดูท่องเที่ยว

ททท. และ สทท. ร่วมประชุมหารือกับสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ประเด็นการเตรียมความพร้อมในจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงาและเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดฤดูท่องเที่ยว




           นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ คุณชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คุณสมพงษ์ ดาวพิเศษ นายกสมาคมที่พักและส่งเสริมสุขภาพอันดามันและอ่าไทย พร้อมด้วย ประธานสภาและ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.พังงา กระบี่ และจ.ภูเก็ต ร่วมประชุมหารือ up01-09-2021 09:03:34 สินค้า และกิจกรรมการท่องเที่ยว พร้อม ประเด็นการเตรียมความพร้อมในจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงาและเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดฤดูท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยว Domestic คู่ขนานไปกับการเปิดประเทศของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564




       ทั้งนี้ได้รับฟังข้อคิดเห็น ประเด็นเสนอแนะ และอุปสรรคของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา เพื่อให้สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว และ การทำการตลาดต่อไป 

#ThailandMoveOn #DonesticMoveOn #PhuketSandBox #SamuiPlus #PhangNgaPrompt #KrabiEvenMoreAmazing






วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ททท. มอบรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว TAT GYM 2021

ททท. มอบรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว TAT GYM 2021 ร่วมสร้างเศรษฐกิจยั่งยืนรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่าน BCG โมเดล

       การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศผลการแข่งขันในโครงการยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน หรือ TAT GYM 2021 เร่งฟื้นฟูท่องเที่ยวไทยภายใต้กรอบแนวคิดระบบเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy โดยส่งเสริมให้ใช้การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) เป็นเครื่องมือสร้างความยั่งยืน หนุน 10 ผู้ประกอบการและตัวแทนชุมชนท่องเที่ยวใช้ “นวัตกรรม” คิดต่อยอดตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน

       นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า โครงการยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน หรือ TAT GYM 2021 นี้ ททท. ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรม และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ 10 ทีมจากผู้สมัครทั้งสิ้น 43 ทีม และผ่านกระบวนการพัฒนาศักยภาพเข้มข้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลในยุค New Normal ด้วยการอบรมออนไลน์จำนวน 10 ครั้ง รวมกว่า 20 ชั่วโมง โดยผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่สำคัญ อาทิ ทัศนคติของผู้ประกอบการอย่างความยั่งยืน พลวัตรการท่องเที่ยว (Dynamic of Tourism) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มมิลเลนเนียล และ Business Model 4.0 เป็นต้น นอกจากนี้ทั้ง 10 ทีม มีภารกิจในการพัฒนานวัตกรรมทั้งรูปแบบ Service, Process และ Product Innovation ร่วมกับที่ปรึกษาประจำทีมในระยะเวลา 30 วัน  ซึ่งผลจากความทุ่มเทและความตั้งใจของทุกทีม ทำให้ได้ผลงานนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวที่เป็นรูปธรรม โดยผลงานของทั้ง 10 ทีมนั้น ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวไทยบนพื้นฐานของแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy Model) ผ่านรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism)

         ทั้งนี้ ผู้เข้ารอบ 10 ทีม จะได้รับเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนานวัตกรรมและต่อยอดธุรกิจทีมละ 10,000 บาท ได้แก่ ชุมชนบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น นำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยววิถีชุมชนพร้อมประสบการณ์แบบ เที่ยว ทำ นำกลับบ้าน สัมผัสวิถีชุมชม ธรรมชาติ รวมถึงชิมอาหารท้องถิ่นและลงมือทำกิจกรรม ฟาร์มสเตย์ไร่คืนรัง จังหวัดนครราชสีมา นำเสนอการท่องเที่ยวแบบไร้ความเร่งรีบ ผ่านกระบวนการ 5 Senses โดยระหว่างการท่องเที่ยวนี้จะมี “เพื่อนทิพย์” ที่คอยนำกระบวนการต่าง ๆ มาเชื่อมโยงทำให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจ ค้นพบ ผสานตัวตนไปกับชุมชนและธรรมชาติ Scootdy Tour กรุงเทพมหานคร นำเสนอทางเลือกในการท่องเที่ยวชุมชนด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ลดพลังงานในการเดินทางและเพิ่มเวลาการท่องเที่ยวในชุมชน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มของดีเมืองฝาง จังหวัดเชียงใหม่ นำเสนอนวัตกรรมแพลตฟอร์มชื่อลุงปันพาแอ่วเหนือ กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในแหล่งชุมชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ อ้วนกลมแฮปปี้ฟาร์ม จังหวัดอุดรธานี นำเสนอการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ด้วยผ้าที่เขียน ภาพ วาด ด้วยสีจากผ้าย้อมสีธรรมชาติที่เหลือจากภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชนล่องแพบ้าน น้ำราบ จังหวัดตรัง นำเสนอประสบการณ์กล่อง 6 ผัสสะของบ้านน้ำราบ ภายใต้แนวคิด “เรียกปู สู่จาน ฟอกปอด อาบป่าเลน” ด้วย ตา หู ลิ้น จมูก กาย และใจ จากวัตถุดิบในชุมชน โรงแรมทรีธารา จังหวัดลำปาง นำเสนอ สื่อ Lampang Guide เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางด้านท่องเที่ยวลำปาง และสร้างสรรค์ให้เกิดการบอกต่อใน Social Media ไร่ใจยิ้ม จังหวัดกาญจนบุรี นำเสนอ University of Happiness มหาวิทยาลัยความสุข สร้าง Hardware On - Ground และ Software On - Cloud เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมกับชุมชน Hi Stranger กรุงเทพมหานคร จัดทำหลักสูตร Experience online เพื่อส่งต่อความรู้ด้านการเขียนและภาพเชิงสร้างสรรค์ เพื่อบอกเล่า เทคนิค เบื้องหลังการทำงานผ่านการนำเสนอในสื่อออนไลน์ และการออกเดินทางลงพื้นที่จริงตามสถานที่หรือแหล่งท่องเที่ยว และบ้านทุ่งรุ่งอรุณ จังหวัดเชียงราย นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ Miss story box เพราะเราคิดถึง จากการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นมาสร้างการรับรู้ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์

     สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม 4 ทีม ได้แก่ ไร่ใจยิ้ม อ้วนกลมแฮปปี้ฟาร์ม ฟาร์มสเตย์ไร่คืนรัง และ โรงแรมทรีธารา จะได้รับเงินสนับสนุนต่อยอดธุรกิจอีกทีมละ 15,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร รวมมูลค่ารางวัลในโครงการมากกว่า 150,000 บาท

โดยททท. เชื่อมั่นว่าทั้ง 10 ผู้ประกอบการและตัวแทนชุมชนท่องเที่ยว จะเป็นหนึ่งในกลไกร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืนต่อไป ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tatgym.com และ Facebook page: TAT GYM 2021

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564

นวัตกรรมล้ำยุคจากเยอรมัน Dr.Air เครื่องบำบัดอากาศฆ่าเชื้อ เขย่าตลาดเครื่องฟอกอากาศให้สะเทือน หวังส่วนแบ่งตลาด 280 ล้านบาท

นวัตกรรมล้ำยุคจากเยอรมัน Dr.Air เครื่องบำบัดอากาศฆ่าเชื้อ เขย่าตลาดเครื่องฟอกอากาศให้สะเทือน หวังส่วนแบ่งตลาด 280 ล้านบาท

          ตลาดเครื่องฟอกอากาศในประเทศไทยมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท สะเทือนแน่ เมื่อบริษัท สมาร์ท เฮลท์ โซลูชั่น จำกัด นำเข้าและจำหน่าย สุดยอดนวัตกรรมเครื่องบำบัดอากาศเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อล่าสุด HYDROXYL หรือ NUCLEOPHILE จากประเทศเยอรมัน ยี่ห้อ Dr.Air ที่ถูกคิดค้นโดยหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ระดับโลก ที่มีผลทดสอบสามารถฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้รวดเร็วมากกว่า 90% ภายใน 5 นาที และมากกว่า 99.99% ภายใน 15 นาที ช่วยป้องกันมลพิษ แบคทีเรีย และไวรัส ตั้งเป้าขอส่วนแบ่งตลาด 10% หรือประมาณ 280 ล้านบาท

                โดยเฉพาะ Dr.Air DONUT รุ่นพกพาได้สุดฮอต ผลิตไออ้อน 5 ล้าน ions/cm3 สร้างเกราะป้อนกันมลพิษ และ เชื้อโรค พร้อมเติมวิตามินสร้างสมดุลอากาศรอบตัวผู้พกพาในรัศมี 1 ลูกบาศก์เมตร และเครื่องฆ่าเชื้อรุ่น TORNADO ใช้งานในรถยนต์ ที่จะเปิดตัวปลายเดือนสิงหาคมนี้      

   พ.ต.อ.จารึก สารโภค ประธานบริษัท สมาร์ท เฮลท์ โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสต่างๆ อย่างน่าตกใจ อาทิเช่น PM 2.5 และโควิด-19 นั้น บริษัทฯ เล็งเห็นและเป็นห่วงต่อภัยที่เข้ามาคุกคามสุขภาพและชีวิตของคนไทย จึงได้นำเข้าเครื่องบำบัดอากาศยี่ห้อ Dr.Air ซึ่งเป็นสุดยอดนวัตกรรมของโลกด้านการบำบัดอากาศ ป้องกันมลพิษ แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส จากประเทศเยอรมนี เข้ามาจำหน่าย เพื่อเป็นทางเลือกในการป้องกันและรักษาสุขภาพของคนไทย

                สำหรับเครื่องบำบัดอากาศ Dr.Air ที่บริษัทฯ นำเข้ามาจำหน่ายประกอบด้วย

          1. เครื่องบำบัดอากาศฆ่าเชื้อโรคที่ติดตั้งในที่ประชุม ในบ้านและในรถยนต์ คือรุ่น TORNADO ที่มีเทคโนโลยีการฆ่าเชื้อล่าสุด ด้วย HYDROXYL หรือ NUCLEOPHILE ที่ถูกคิดค้นโดยหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ระดับโลก PROFESSOR ANGEL PORGADOR ที่มีความรวดเร็วในการฆ่าเชื้อกลางอากาศและบนพื้นผิวทะลวงทุกซอกมุม โดยที่ยังใช้ชีวิตร่วมกันปกติไม่เป็นพิษกับคน ได้รับการทดสอบการฆ่าเชื้อ COVID-19 จากห้องปฏิบัติการ ไวรัสวิทยา Wuhan Institute Virology ประเทศจีน ระดับ P4 ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในโลก ผลทดสอบสามารถฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้รวดเร็วมากกว่า 90% ภายใน 5 นาที และ มากกว่า 99.99% ภายใน 15 นาที ครอบคลุมการใช้งานถึง16 ตารางเมตร น้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัม ออกแบบมาใช้งานง่ายและเอนกประสงค์ ในรถยนต์ส่วนบุคคล รถขนส่งสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถตู้ รถบัส รถไฟฟ้า BTS และ MRT  ลิฟท์โดยสาร รวมถึงการใช้งานในบ้าน ที่ทำงาน ร้านอาหาร และ สถานบริการ ต่างๆ เพื่อช่วยลดภาวะการติดเชื้อทางอากาศได้

นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเชื่อ ยังได้ส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบการฆ่าเชื้อ COVID-19 ที่สถาบันทดสอบ INNOVATIVE BIOANALYSIS รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลทดสอบได้ดีเช่นกัน โดยการรับรองอย่างเป็นทางการจะเสร็จสิ้นปลายเดือนสิงหาคม 2564 นี้

         2. เครื่องบำบัดอากาศขนาดพกพา รุ่น DONUT ที่กำลังเป็นสินค้ายอดนิยมของบริษัทฯ ที่มีประสิทธิภาพกำจัดเชื้อโรค โดยใช้วิธีการสร้างประจุลบที่เรียกว่า Anion ด้วยหลักการ CORONA DISCHARGE ทางไฟฟ้าสถิต ลอยไปในอากาศ ซึ่งประจุลบนี้จะทำหน้าที่จับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่นควัน หมอก ละอองมลพิษ และเชื้อโรคต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นประจุบวกที่ลอยอยู่ในอากาศรอบตัวเรา เพื่อให้เกิดอนุภาคขนาดใหญ่ และทำให้เชื้อโรคอ่อนตัวลงตกลงสู่พื้น ก่อนที่จะถูกสูดดมเข้าทางระบบหายใจ ดังนั้น จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากการสูดมลพิษในอากาศและเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ระบบหายใจ รอบตัวผู้พกพาในรัศมี 1 ลูกบาศก์เมตร กำจัดเชื้อโรคแบคทีเรียได้มากกว่า 90% กำจัดฝุ่นขนาดเล็กป้องกันภูมิแพ้ ผลิตไออ้อนเข้มข้นได้ถึง 5 ล้านไออ้อน/ลูกบาศเซนติเมตร โดยใช้วิธีการพกพาด้วยการห้อยคอด้วยน้ำหนักเบาเพียง 30 กรัมไม่มีไส้กรองให้ยุ่งยาก

ประจุลบที่ปล่อยออกมาในอากาศ เปรียบเสมือนวิตามินที่ถูกสูดเข้าไปทางระบบหายใจ ขณะที่ร่างกายปกติของเรา จะมีทั้งประจุลบและประจุบวกในตัวเองเพื่อให้เกิดสมดุล แต่เมื่อเราทำงานไปในแต่วัน ประจุลบจะถูกใช้งาน และเมื่อมีปริมาณลดน้อยลงก็จะทำให้เรารู้สึกเมื่อยล้า

ประจุลบจะมีมากตามน้ำตกภูเขาทะเล ป่าเขา หรือในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้น ทำไมเวลาเราไปตามสถานที่ที่เรารู้สึกสดชื่นขึ้น ก็เพราะได้รับประจุลบ ทำให้ร่างกายมีสมดุลเพิ่มขึ้น โดยมีผลวิจัยมากกว่า 700 รายงานทั่วโลกถึงผลประโยชน์ของประจุลบ หนึ่งในนั้นคือ มีการทดลองในห้องเรียน โดยแบ่งห้องเรียนเป็น 2 กลุ่ม ห้องหนึ่งทำการติดตั้งเครื่องเติมประจุลบ ส่วนอีกห้องหนึ่งปล่อยตามธรรมชาติ ผลที่ได้รับคือ ห้องที่เติมประจุลบ นักเรียนจะมีสมาธิและมีความตั้งใจในการเรียน รวมถึงการจดจำที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ฉะนั้นการมีอุปกรณ์ที่สามารถสร้างประจุลบได้ จึงเป็นประโยชน์กับร่างกายของเรา


นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมเครื่องบำบัดอากาศระบบส่งอากาศบริสุทธิ์ที่ใช้ร่วมกับหน้ากาก KN95 ได้แก่ Air Force 1 และ Air Force 2 ป้องกันเชื้อโรคมากกว่า 99.9% หมดปัญหาการหายใจไม่สะดวกจากการใส่หน้ากากแบบธรรมดาที่จะทำให้เกิดภาวะออกซิเจนไม่เพียงพอส่งผลต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวและยังสร้างบรรยากาศภายใต้หน้ากากเราให้เป็นห้องปลอดเชื้อในตัว มีใส้กรอง HEPA ใช้นาน 500 ชั่วโมงหรือประมาณ 2 เดือน พร้อมปรับแรงลมได้ 3 ระดับ ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งห้อยคอ รัดแขน รัดเอว และคาดศีรษะ น้ำหนักเพียง 150 กรัม

                                

          พ.ต.อ.จารึก สารโภค ประธานบริษัทฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปื 2564 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะเข้ามาครองสัดส่วนการตลาดรวมของเครื่องฟอกอากาศ 2,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มสินค้าเดียวกันไว้ประมาณ 10% หรือประมาณ 280 ล้านบาท และมีนโยบายคืนกำไรสู่สังคม โดยจะแบ่งรายได้จากการจำหน่ายสินค้า Dr.Air ทุกตัว สมทบทุนบริจาคซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนช่วยหายใจให้ตามโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยโควิดอาการหนัก โดยราคาขาย Dr.Air หลักพันบาท จะบริจาค 110 บาท ราคาหลักหมื่น บริจาค 1,110 บาท และหลักแสน จะบริจาค 10,910 บาท การบริจาคจะเสร็จสิ้นจนกว่าโควิดจะหมดจากประเทศไทย

ตอนนี้ Dr.Air ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ล่าสุด คุณต๋อง ศิษย์ฉ่อย หรือเจมส์ วัฒนา จากพรีเซนเตอร์สัญญา 3 ปี ได้ตัดสินใจเข้ามาถือหุ้นด้วยแล้ว เพราะเห็นว่า Dr.Air เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ



วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ศปก.ศบค. รับเรื่องนโยบายนำเข้าวัคซีนทาง เลือกเสรี ปลอดภาษี ของสารวัตรแรมโบ้ ไปพิจารณาแล้ว

ศปก.ศบค. รับเรื่องนโยบายนำเข้าวัคซีนทาง

เลือกเสรี ปลอดภาษี ของสารวัตรแรมโบ้ ไป

พิจารณาแล้ว

จากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม และเสียชีวิตจำนวนมากเพิ่มขึ้นทุกวัน เนื่องจากมีวัคซีนที่ทางรัฐบาลนำเข้านั้นไม่พอเพียงฉีดให้กับประชาชน

พันตำรวจเอก สุรโชค เจษฏาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานที่ปรึกษา บริษัท แรมโบ้เฮิร์บ จำกัด "มืออาชีพเรื่องสุขภาพ” จึงได้ทำหนังสือเปิดผลึกถึงนายกรัฐมนตรี หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค) โดยผ่านทาง ดร.เสกสกล อัตถากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา และทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค) ได้รับจดหมายเรื่องนโยบายนำเข้าวัคซีนทางเลือกเสรี ปลอดภาษีไว้พิจารณาแล้ว

โดยใจความในจดหมายมีเนื้อหาดังต่อไปนี้คือ ด้วยปัจจุบัน ไวรัสโควิด-19 "นักฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติแห่งศตวรรษ" ได้พรากชีวิตประชากรทั่วโลกไปแล้วประมาณ 4.2 ล้านคนเศษ มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมประมาณ 197 ล้านคนเศษ รวมทั้งประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 5.9 แสนคน เสียชีวิตเกือบ 4.800 คน มี ทางรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข ทุกๆ ภาคส่วน บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศมีความมุ่งมั่นจริงใจให้การพยาบาลรักษาดุแล พร้อมเร่งระดมเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชากรทั่วประเทศให้ครอบคลุมทั่วถึงให้ได้ 70 ล้านคนเศษทั่วประเทศ รวมทั้งแรงงานต่างด้าว นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่กระจายพักอาศัยอยู่ทั่วประเทศไทยด้วย แต่เนื่องด้วยบุคคลากรทางการแพทย์บางส่วนมีกำลังจำนวนจำกัด อีกทั้งเป็นเหตุการณ์วิกฤติเฉพาะหน้าที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นในประเทศไทยและทั่วโลกในรอบ 100 ปี จึงต้องแบ่งกำลังพลกระจายให้การรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อที่เจ็บป่วยสะสมอยูจำนวนมากและมีคนไข้ติดเชื้อเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นตลอดเวลา จึงทำให้แพทย์พยาบาล อาสาสมัครฯ บางส่วนติดเชื้อจากผู้ป่วยและเสียชีวิตลงตลอดเวลา จากปัญหาและเหตุผลสำคัญดังกล่าวข้างต้น

กระผมจึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้โปรดให้การสนับสนุนนโยบายนำเข้าวัคซีนทางเลือกเสรีและยกเว้นภาษี เพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนทุกๆ ภาคส่วนทั่วประเทศที่มีความพร้อม มีขีดความสามารถนำเข้าวัคซีนเสรีทางเลือก ฉีดวัคซีนให้กับบุคคลากรของภาคเอกชนของตนเองแทนการรอรับฉีดวัคซีนจากภาครัฐ กระผมมีความมั่นใจว่าภาคเอกชนทุกๆ ภาคส่วนที่ประกอบด้วยภาคธุรกิจ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ภาคอุสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยว โรงแรม สถานบริการ อื่นๆ อีกจำนวนมากมีความพร้อมในการนำเข้าวัคซีนเสรีทางเลือกและยกเว้นภาษี จะสามารถนำวัคซีนสั่งเข้ามาระดมฉีดให้กับพนักงานลูกจ้างขององค์กรภาคเอกชนของเขาเอง รวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่เขาดูแลได้เร็วขึ้น ทั้งเป็นการป้องกัน ลดการติดเชื้อ เจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณะสุขได้มาก เชื่อว่าไม่เกิน 2 เดือน ภาคเอกชนน่าจะช่วยระดมฉีดวัคซีนพนักงานลุกจ้างได้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศ และเป็นผลดีโดยตรงต่อรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องลดความสูญเสีย รวมทั้งเป็นผลดีต่อประเทศชาติ ทำให้ประเทศไทยสามารถเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้เร็วขึ้น

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากถึงทุกคนว่า การรู้เท่าทันเพื่อเตรียมรับมือให้ถูกวิธีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย สิ่งที่ควรคำนึงถึงและสำคัญที่สุดในการป้องกันคือ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคชีนป้องกันโควิด-19 แล้วก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่จะติดโควิด-19ได้อีก เราจึงยังต้องยกการด์สูง ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ล้างมือมือล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่แออัด เลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และทานอาหารเสริมสมุนไพร กระชายขาว (กระชายเหลืองหรือกระชายสีทอง)

   ถ้าบริษัท ห้างร้าน หรือใครที่สนใจ ต้องการนำไปแจกจ่าย หรือสั่งผลิตเพื่อจำหน่าย สามารถติดต่อได้ที่ คุณฐิติชญาเจษฏาเดช (กรรมการผู้จัดการบริษัท แรมโบ้เฮิร์บจำกัด โทร.092-496-1924 และ 081-498-3999

 ***อโรคยา ปรมาลาภา" ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ***

*** แรมโบ้เฮิร์บ ห่วงใยคุณและคนที่คุณรัก***

***ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแรมโบ้เฮิร์บ มี อย. ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมั่นใจ ปลอดภัย 100 % ***

   

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2564

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รับมอบชุด PPE และแอลกอฮอล์ จากบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด และบริษัท คาวาลลิโน เซอร์วิส จำกัด เพื่อสนับสนุนปฏิบัติภารกิจสู้ภัยโควิด-19

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รับมอบชุด PPE และแอลกอฮอล์ จากบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด และบริษัท คาวาลลิโน เซอร์วิส จำกัด เพื่อสนับสนุนปฏิบัติภารกิจสู้ภัยโควิด-19


            มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย คุณศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยคุณชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการ รับมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE)  จำนวน 1,000 ชุด และแอลกอฮอล์ จำนวน 2,000 ลิตร จากคุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี  ในนามบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด และบริษัท คาวาลลิโน เซอร์วิส จำกัด เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่ออกภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ณ Ferrari Cavallino Motors เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ร่วมบริจาคทรัพย์ สิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) 

ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสารและการปฏิบัติภารกิจของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

.#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต#

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 110 ปีความดีที่ยั่งยืน#

#แอปพลิเคชัน และ สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418#

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน#

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สภาองค์กรเยาวชนสร้างสรรค์พัฒนาสังคม ร่วมกับสภาองค์กรเยาวชนคนสร้างชาติ มอบสิ่งของสู้ภัยโควิด-19

สภาองค์กรเยาวชนสร้างสรรค์พัฒนาสังคม ร่วมกับสภาองค์กรเยาวชนคนสร้างชาติ มอบสิ่งของสู้ภัยโควิด-19




นางณิชาภา สิงห์ณรงค์ ประธานสภาองค์กรเยาวชนคนสร้างชาติ นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ประธานสภาองค์กรวัฒนธรรมไทย อาเซี่ยน และสภาองค์กรเยาวชนสร้างสรรค์พัฒนาสังคม ได้นำสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นมอบแก่ผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาตัวด้วยโรคโควิด-19 แด่โรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน "ใต้ร่มพระบารมี" ซึ่งสามารถจุผู้ป่วยได้ถึงจำนวน1,750 เตียง โดยมีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564



จากนั้น เวลา 12.00 น. สภาองค์กรเยาวชนสร้างสรรค์พัฒนาสังคม ร่วมกับสภาองค์กรเยาวชนคนสร้างชาติ นำโดยนายวรวุฒิ อุตสาแท้ ประธานสภาองค์กรเยาวชนสร้างสรรค์พัฒนาสังคม พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสภาฯ ได้ร่วมกันแจกชุดธารน้ำใจ สู้ภัยโควิด-19 ประกอบด้วย ข้าวสาร นมถั่วเหลือง น้ำดื่ม ขนมปัง ขนมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง หน้ากากอนามัย ยาแก้ปวด จำนวน 71 ชุด ชุดอาหารว่าง จำนวน 100 ชุด และผลไม้ (มังคุด) จำนวน 40 กิโลกรัม ให้แก่พี่น้องชาวเขาในพื้นที่ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ สภาองค์กรเยาวชนสร้างสรรค์พัฒนาสังคม และสภาองค์กรเยาวชนคนสร้างชาติ ขอร่วมเป็นกำลังใจ และขอเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ในการช่วยเหลือสังคมในการต่อสู้ และฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ ช่วยคนไทยทุกคนให้ปลอดภัยจากโควิด ไปด้วยกัน

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36

มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ในพระราชูปถัมภ์ฯ จัดงาน “วันหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ครั้งที่ 36 งานสร้างเสริมคนดีมีคุณธร...