ททท. ร่วมลงนาม MOU กับ วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ยกระดับการท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมทางการเงิน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย Reshaping Thailand’s Tourism with Innovation and Data” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศในปีท่องเที่ยว Thailand Grand Tourism Year2025 กับ วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก โดยมีนายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีช่าประจำประเทศไทย ร่วมลงนาม เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมทางการเงิน เสริมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อให้แก่นักท่องเที่ยว ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท. มุ่งเดินหน้าดำเนินงานด้านการตลาดท่องเที่ยวภายใต้การบูรณาการของทุกภาคส่วน (Partnership 360 องศา) ทั้งในและต่างประเทศ โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ วีซ่า ครั้งนี้ ถือเป็นการทำงานร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมทางการเงินให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางและเชื่อมโยงทางการเงินเพื่อใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวอย่างไร้รอยต่อ โดยใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ วีซ่า มาใช้ต่อยอดในการทำแคมเปญการท่องเที่ยว รวมถึงการขยายจุดรับชำระเงินแบบดิจิทัลให้มากขึ้นเป็นตัวช่วยสำคัญให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ ททท. หวังว่าความร่วมมือดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการเสริมศักยภาพทางการท่องเที่ยว เพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศศักยภาพ 23 ตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยและสร้างรายได้มากกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้กระชับความสัมพันธ์อันดีกับ ททท. ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผ่านการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญระดับโลกของเราในเรื่องของโซลูชันทางการชำระเงิน และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง เมื่อการเดินทางทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีความต้องการเพิ่มขึ้นในเรื่องของประสบการณ์การชำระเงินที่ไร้รอยต่อ ปลอดภัย และไม่ต้องพึ่งเงินสดความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะช่วยหนุนธุรกิจท้องถิ่นในประเทศ ยังจะช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในภาคการท่องเที่ยว และเป็นอีกแรงผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้จะร่วมกันส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวโดยมีใจความสำคัญที่มุ่งเน้นไปที่ ความร่วมมือหลัก 4 ด้าน ดังต่อไปนี้
1. โปรแกรมการตลาดเชิงกลยุทธ์: ร่วมกันส่งเสริมตลาดในโครงการ “5 Must Do in Thailand” ประกอบด้วย Must Taste อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่น Must Try สุดยอดกีฬาท้าทายกายใจ Must Buy หัตถกรรมล้ำค้าน่าซื้อฝาก Must Seek แสวงหาอันซีนถิ่นน่าเที่ยว และ Must See ละลานตาวัฒนธรรม เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในประเทศไทย ค้นพบมุมมองใหม่ที่มีคุณค่า
2. การขยายบริการของวีซ่าและโครงการ STAR (Sustainable Tourism Acceleration Rating : STAR) : ขยายจุดรองรับการชำระเงินของวีซ่าในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการด้าน การท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ ส่งมอบประสบการณ์ทางการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ชุมชนการท่องเที่ยว และผู้ประกอบการในโครงการ STAR ของ ททท.
3. การจัดโปรโมชั่นและแคมเปญร่วมกัน : ทำการสื่อสารสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายร่วมกันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนประเทศไทยผ่านการจัดโปรโมชั่นและแคมเปญต่างๆ
4. การวิเคราะห์ข้อมูลและการให้คำปรึกษา: ดึงจุดแข็งด้านการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในเรื่องของการใช้จ่ายมาเป็นฐานข้อมูลในการกำหนดแคมเปญด้านการท่องเที่ยว อาทิ โครงการ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซลล์ (Amazing Thailand Grand Sale) และเทศกาลการลดราคาสินค้าและบริการในช่วงเวลาต่าง ๆ ตลอดจนนำต่อยอดพัฒนากลยุทธ์การตลาดและกระตุ้นการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ ททท. ได้มีความร่วมมือกับ วีซ่า มาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี เพื่อเสริมสร้าง ความแข็งแกร่งให้แก่ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก มุ่งเน้นการพลิกโฉมอนาคตการท่องเที่ยวของประเทศไทย ด้วยการใช้นวัตกรรมทางการเงินเสริมสร้างความสะดวกสบายและการเชื่อมโยง ทางการเงินอย่างไร้รอยต่อให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น